10 แนวโน้มสำหรับธุรกิจเฟรนไชส์ในปี 2021

ธุรกิจเฟรนไชส์ต้องผ่านร้อนผ่านหนาวกับสถานการณ์ในช่วงปีที่ผ่านมา และปรับตัวกันเจ้าละหวั่นเพื่อจัดการกับผลกระทบจากโรคระบาด แม้ว่าเราจะอยู่กับสถานการณ์แบบนี้กันมาปีกว่าแล้ว ธุรกิจเฟรนไชส์ยังดูมีโอกาสเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง โดยเว็บไซต์ franchising.com ได้รวบรวม 10 แนวโน้มสำหรับธุรกิจเฟรนไชส์ในปี 2021 มาให้ชมกัน

ใช้ข้อมูลก้าวข้ามความไม่แน่นอน

ธุรกิจเฟรนไชส์มีแนวโน้มที่จะขยายตัวมากขึ้นในช่วงปี 2564 เพราะว่า หลายคนที่ออกจากงานในช่วงที่ผ่านมาเริ่มมองหาโอกาสที่จะเป็นเจ้าของธุรกิจของตัวเอง หลายคนในจำนวนนี้พิจารณาธุรกิจเฟรนไชส์เป็นตัวเลือกหนึ่ง

อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ที่ไม่แน่นอน ทั้งนโยบายล็อคดาวน์ ฯลฯ ทำให้หลายคนยังกังวล สงสัย และรู้สึกไม่มั่นใจกับการลงทุน ดังนั้น เฟรนไชส์จึงควรให้ข้อมูลที่ครบถ้วนและโปร่งใส เพื่อให้ผู้ที่สนใจจะเข้ามาทำธุรกิจเฟรนไชส์สามารถศึกษา มั่นใจและตัดสินใจเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของเฟรนไชส์

มองทีมด้วยมุมใหม่

ภาคธุรกิจต้องมองบุคคลากรของตัวเองในมุมใหม่ เพราะสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เป็นโอกาสที่ดีในการเติบความสร้างสรรค์ในการบริหารทีม ตอนนี้ภาคธุรกิจหลายแห่งได้เรียนรู้ที่จะทำงานผ่านโลกออนไลน์และสั่งงานผ่านทางไกลให้กับคนที่ทำงานกันอยู่คนละที่ สิ่งที่ทำให้คนทำงานไม่จำเป็นต้องผูกติดกับสถานที่ทำงานอีกต่อไป และบริษัทสามารถเลือกคนที่เหมาะสมที่สุดกับงานได้ไม่ว่าคน ๆ นั้นจะอยู่ที่ไหนบนโลก เรามีแนวโน้มจะเห็นพนักงานพาร์ทไทม์ที่ทำงานทางไกลมากขึ้น ซึ่งจะช่วยให้นายจ้างสามารถประหยัดเงิน ประหยัดเวลา และจ้างคนเก่ง ๆ ได้ด้วย

ลงทุนกับการสร้างประสบการณ์ของลูกค้า

ปี 2563 เป็นปีแห่งการล็อคดาว์นและปิดกิจการ ทำให้ลูกค้าหลายคนห่างหายไปจากธุรกิจ และอาจจะปันใจไปใช้บริการแบรนด์อื่น ดังนั้น แบรนด์ที่ทันเกมจะเริ่มลงทุนงบการตลาดอย่างร่วมเร็วเมื่อสถานการณ์มีแนวโน้มจะคลี่คลาย และกลับมาสร้างประสบการณ์เพื่อดึงดูดลูกค้าให้กับมาซบอกแบรนด์เหมือนเดิม ดังนั้น เจ้าของเฟรนไชส์และร้านค้าในเครือข่ายที่สื่อสารกับลูกค้าและกลุ่มแฟนคลับของตัวเองอย่างต่อเนื่องน่าจะกระแสแรงไม่ตกแม้ในสถานการณ์แบบนี้

ลูกค้าเก่าไม่กลับมา?

ต่อเนื่องจากข้อที่แล้ว หลายแบรนด์อาจประสบช่วงเวลาที่ยากลำบากและธุรกิจซบเซา ทำให้การดึงลูกค้าเก่ากลับมาเป็นความท้าทายอย่างหนึ่ง และลูกค้าหลายคนก็อาจจะมีพฤติกรรมการบริโภคที่เปลี่ยนไป และให้ความสำคัญกับชีวิตในด้านอื่น ๆ มากขึ้น

สร้างความสัมพันธ์ในทุกอย่าง

สถานการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้เรามีโอกาสเชื่อมโยงกับคนรอบข้างได้ลึกซึ้งกว่าเดิม และเห็นคุณค่าของมิตรภาพที่มีความหมายและยั่งยืน สิ่งที่ทำให้เฟรนไชส์โดดเด่นที่สุด คือ กลับสู่จุดเริ่มต้น สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับสมาชิก เคารพคำสัญญา และไว้ใจกัน เฟรนไชส์ที่แข็งแกร่งจะพร้อมหันหน้าเข้าหากัน และพูดคุยอย่างโปร่งใสเพื่อแก้ปัญหา และสนับสนุนติดตามปัญหาอย่างต่อเนื่อง ในฐานะเจ้าของเฟรนไชส์ ความเข้าอกเข้าใจต่อลูกข่ายจะช่วยให้บริษัทสามารถมองเห็นเป้าหมายร่วมกัน แก้ปัญหาร่วมกัน และประสบความสำเร็จร่วมกัน

ปรับใช้เทคโนโลยี

เฟรนไชส์ทุกอุตสาหกรรมต้องปรับตัวกับการเปลี่ยนแปลง และทุกธุรกิจเองก็ต้องเผชิญกับ Technology Disruption กันหมด เมื่อพฤติกรรมการจับจ่ายของลูกค้าย้ายไปอยู่บนโลกออนไลน์ เฟรนไชส์และเครือข่ายก็ต้องกระโดดลงไปร่วมตลาดที่ลูกค้าอยู่เช่นกัน

คิดถึงทางไกล

นอกจากการทำงานทางไกล สื่อสารกับลูกค้าทางไกล การสนับสนุนและระบบหลังบ้านของเฟรนไชส์ก็อาจจะสามารถบริหารจากทางไกลได้เช่นกัน ซึ่งพอลดเงื่อนไขจากการเดินทาง เฟรนไชส์ก็จะมีเวลาไปดูตัวเลขและวิเคราะห์กลยุทธิ์ธุรกิจได้มากขึ้น ซัพพอร์ตจากทางไกลยังช่วยให้เกิดการจ้างงานร่วม ลดต้นทุนของการลงพื้นที่เพื่อสำรวจโอกาสขยายกิจกรรม และพึ่งพิงการกระจายงานและระบบจ้างงานทางไกลแทน

เฟรนไชส์จะมาเติมเต็มช่องว่าง

อย่างที่เกริ่นไปด้านบนแล้วว่า ผู้ที่มีกำลังซื้อและอยากเข้าซื้อธุรกิจยังมีอยู่มาก โดยเฉพาะในช่วงที่คนจำนวนมากลาออกจากงานประจำ แต่ปัญหาคือ พวกเขาหาธุรกิจที่มีศักยภาพไม่เจอ หลายคนมองหาธุรกิจที่ทำกำไร แต่อาจจะมีระบบการจัดการภายในที่ไม่ดี และยังดูเสี่ยง เลยหันมาพิจารณาธุรกิจเฟรนไชส์แทน เจ้าของเฟรนไชส์ควรจะมองจุดนี้ให้เป็นโอกาสในการขยายตัวในปี 2564 นี้

โซเชียลมีเดียคือตลาดใหม่

เฟรนไชส์ที่ประสบความสำเร็จในยุคนี้ จะเป็นแบรนด์ที่สามารถเชื่อมโยงกับเทคโนโลยีและสิ่งใหม่ ๆ และนักธุรกิจในยุคใหม่ก็อาจจะไม่ได้เริ่มพิจารณาการผันตัวมาเป็นแฟรนไชส์ในตอนนี้ แต่เมื่อยุคของการสื่อสารเกิดขึ้นบนโลกโซเชียลมีเดีย ทั้งเฟซบุ๊ค อินสตาแกรม และลิ้งอิน ธุรกิจเฟรนไชส์จะเริ่มชิฟต์ไปที่กลุ่มผู้บริโภคยุคใหม่เหล่านี้

Recent Posts